1 year ago / Admin

in-option.me06032301.jpeg
โมเดลระบบเรียนรู้ด้วยตนเองปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นหัวข้อที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้ และใครๆ ต่างก็พูดถึง ChatGPT บางคนเชื่อว่า AI จะทำให้คนนับล้านทั่วโลกตกงานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในทศวรรษนี้ ขณะที่อีกหลายคนเห็นว่านี่เป็นเพียงการพัฒนาเทคโนโลยีที่สนุกและน่าสนใจ AI ทำให้ทั้งโลกประหลาดใจ แต่มีแอปพลิเคชั่นใดที่สามารถใช้ได้จริงในโลกการเทรดหรือไม่

 

สิ่งใดคือแหล่งที่มาของข้อมูลสำหรับ ChatGPT และผู้สร้าง AI อื่นๆ

เพื่อนผู้ร่วมก่อตั้งของ Elon Musk เป็นผู้แนะนำให้โลกรู้จักกับ OpenAI ในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2022 ทั่วโลกต่างตกตะลึงเมื่อ DALL-E เริ่มสร้างงานศิลปะจากข้อความคำสั่งง่ายๆ โดยผลงานสร้างความประทับใจมากเหมือนมนุษย์เป็นผู้สร้างสรรค์จนชนะการแข่งขันศิลปะเมื่อปีก่อน หลังจากเข้าร่วมแข่งขันโดยไม่เปิดเผยตัวตน

ต่อมาได้มีการเปิดตัว ChatGPT แชทบอทของ OpenAI ซึ่งเป็นโมเดลภาษาขนาดใหญ่ที่ได้รับการฝึกฝนโดยใช้บทความ หนังสือ และข้อความต้นฉบับหลายล้านรายการเพื่อผลิตเนื้อหาที่สมบูรณ์แบบ "องค์ความรู้" ของ ChatGPT มาจากข้อมูลที่โมเดลได้รับเมื่อทำการฝึกฝน ปัจจุบัน โมเดลนี้ไม่ได้รับการอัปเดตเป็นประจำ ผลสรุปที่ได้จึงไม่สะท้อนถึงข้อมูลปัจจุบันล่าสุดเสมอไป และในความเป็นจริงแล้ว ข้อมูลที่มีผลต่อ ChatGPT นั้นเป็นข้อมูลถึงปี 2021 เท่านั้น

เมื่อพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่ว่าโลกการเงินวัดผลข้อมูลในเวลาเพียงไม่กี่มิลลิวินาที ก็คงจะกล่าวได้ว่ากลยุทธ์การเทรดใดๆ ที่คุณได้จาก AI นั้นจะไม่มีประโยชน์หรือไม่ก็ล้าสมัย แต่ในระยะยาวอาจไม่เป็นเช่นนั้น เพื่อทำความเข้าใจว่า AI จะเป็นอย่างไรในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เรามาสำรวจกันว่าบอทการเทรดของระบบเทรดอัตโนมัติ (EA) ในปัจจุบันนั้นทำงานอย่างไร

อัลกอริทึมและระบบเทรดอัตโนมัติ

บอทของระบบเทรดอัตโนมัติ (EA) เป็นระบบการเทรดอัตโนมัติที่ตั้งโปรแกรมให้วิเคราะห์ข้อมูลตลาดและทำการเทรดเอง บอทเหล่านี้สามารถนำไปใช้ร่วมกับซอฟต์แวร์แพลตฟอร์มการเทรดส่วนใหญ่และตั้งโปรแกรมให้ดำเนินการคำสั่งซื้อขายโดยอัตโนมัติตามเงื่อนไขตลาด อินดิเคเตอร์ทางเทคนิค และข้อมูลตลาดอื่นๆ

ระบบเทรดอัตโนมัติโดยทั่วไปจะรวมอินดิเคเตอร์ต่างๆ เช่น Exponential Moving Average, Bollinger Bands, Fibonacci Retracement และเครื่องมือเทรดอื่นๆ ที่ได้รับความนิยม และจากนั้นจะตอบสนองตามชุดกฎเกณฑ์และพารามิเตอร์ที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ซึ่งตั้งโปรแกรมโดยเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์

นอกจากนั้นยังสามารถออกแบบระบบเหล่านี้ให้จัดการความเสี่ยงและดำเนินการคำสั่งซื้อขายในเวลาที่เหมาะสมได้อีกด้วย ระบบเทรดอัตโนมัติมักใช้ในหมู่เทรดเดอร์เพื่อทำให้กลยุทธ์ของตนเองดำเนินการโดยอัตโนมัติและเพื่อให้การเทรดในตลาดถูกแทรกแซงโดยมนุษย์น้อยลง กล่าวง่ายๆ คือระบบเทรดอัตโนมัติเป็นชุดอัลกอริทึมที่สามารถตอบสนองได้ในเวลาเพียงไม่กี่มิลลิวินาที 

อัลกอริทึมถูกนำมาใช้ในหลายศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นคณิตศาสตร์ วิทยาการคอมพิวเตอร์ วิศวกรรม และการจัดเรียงข้อมูล แม้จะดูฉลาด แต่อัลกอริทึมไม่ใช่ปัญญาประดิษฐ์ แต่เป็นเพียงชุดคำสั่งที่มีการปรับให้เหมาะสมเท่านั้น และชุดคำสั่งคือสิ่งที่เทรดเดอร์ผู้มีประสบการณ์ได้รับผ่านการศึกษาและประสบการณ์จริง

ตัวอย่างเช่น เทรดเดอร์ที่ใช้ดัชนี RSI (Relative Strength Index) จะรอให้ถึงจุดที่เป็นสัญญาณบอกให้ซื้อหรือขาย เมื่อ RSI ผ่านระดับ 30 ในแนวนอนจะถือเป็นขาขึ้น และเทรดเดอร์ก็จะซื้อ นั่นเป็นตัวอย่างของกฎเกณฑ์ข้อหนึ่ง 

ซอฟต์แวร์เทรดอัตโนมัติสามารถมีหลายข้อโดยจะปฏิบัติตามการนับสิบรายการทุก ๆ ครั้งจากนั้นรอเงื่อนไขตลาดและอินดิเคเตอร์ต่าง ๆ โดยจะต้องลงทะเบียนกับเจ้าของโปรแกรมทิ้งไว้โดยจะมีฟังก์ชั่นการรองรับมาเกี่ยวข้อง น่าจะเป็นการตอบโต้มากกว่าของเดิม

แหล่งเทรดอัตโนมัติมีหลายระบบที่สามารถรองรับแพลตฟอร์ม MetaTrader และ TradingView โมดูลระบบจะมีชุดตามมาด้วยเอง มาประกอบในคราฟต์เทรดได้

รู้เรื่องระบบเทรดอัตโนมัติ

ซอฟต์แวร์เทรดอัตโนมัติ (EA) ใช้สำหรับตรวจสอบข้อมูลต่อไปนี้โดยอ้างอิงข้อมูลย้อนหลังเท่านั้น เราเริ่มนับ 1,2,3,4… ตัวเลขถัดไปก็คือ 5 นั่นเอง ซึ่งแน่นอนว่าในห้องเรียนระดับอนุบาล แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ ขึ้นได้ในตลาดโลก ดังนั้นในคำจำกัด สิทธิ์ความรับผิดชอบ ซึ่งจะต้องทำได้ทั้งหมด จึงจำเป็นต้องระบุข้อความว่าผลงานที่บันทึกไว้ ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นเท่านั้นหรือเป็นสิ่งที่จำเป็นถึงผลงานสมอง

เทรดเดอร์จะได้รับโอกาสมองเพียงแค่กราฟสำหรับผู้ติดตามพิจารณาเหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ ข่าวประชาสัมพันธ์ ซึ่งจะมีให้สำหรับเทรดเดอร์มืออาชีพ ผู้วิเคราะห์ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้ยืนยันทางสำหรับปัจจัยพื้นฐานและความต้องการในการตัดสินใจเทรด

เหตุผลที่อุตสาหกรรมการเงินมีผู้จัดการกองทุนเฮดอฟันด์ ผู้ดูแลจะมีการลงทุนและผู้ให้บริการเครือข่ายการเทรด แต่อาชีพทั้งหมดนี้อาจทำให้หมดไป

AI หรืออะไรก็ตามของการเทรดฝากเทรดไว้ในอนาคต

ก่อนหน้านี้จะยังมาตรวจสอบช้าก็เร็ว ระบบโมเดลเรียนรู้มากที่ ChatGPT ใช้งานก็จะได้รับการตอบรับให้เรียกรวมเอาฐานข้อมูลของปัจจัยพื้นฐานที่เกิดขึ้นในปัจจุบันและจะเกิดขึ้นมาเสริมใน การวิเคราะห์ในระบบปฏิบัติการ การดำเนินการของโปรแกรม AI จะอนุญาตให้ใช้ต่อไปหรือไม่ ซึ่งจะต้องมีการเปรียบเทียบตัวเลข NFP หรืออย่าปล่อยให้มีเมื่อราคาของทั้งน้ำมันและทองคำดีดตัวขึ้นเมื่อข้อมูลฝ่ายขายของ Apple Inc. ตกราคา AAPL มักจะต้องใช้ความถี่ในการติดตามข้อมูลเหล่านี้ AI ก็ช่วยให้มีคำสั่งที่จำเป็นได้

ฐานข้อมูลระบบเรียนรู้ทันทีในปัจจุบันที่มีประสิทธิภาพในการประมวลผลข้อมูลที่จำเป็นมาก แต่ต้องใช้โปรแกรมจากโปรแกรมเทรดเดอร์มืออาชีพก่อนที่จะมาถึงตลาดการเงินซึ่งเราจะรู้จักมันตลอดเวลา

จนกว่าจะถึงจุดสุดยอด สิ่งที่เราต้องทำคือทำตัวให้เหมือน AI หรือระบบเทรดอัตโนมัติด้วยตนเอง ด้วยตนเองด้วยชุดคำสั่ง ติดตามข่าวสาร และรายงานต่างๆ จดบันทึกเรคคอร์ดของตลาดและตรวจสอบกราฟและอินดิเคเตอร์ต่างๆ เพื่อ ไม่ว่าใครก็ตามจะพบกับที่สุด

การเทรดเป็นธุรกิจเหมือนกัน และจะต้องรู้จักตลาดของคุณเหมือนกับผู้ประกอบการรายอื่นที่มีความโดดเด่นกว่าผู้อื่น ดังนั้นจงเริ่มเรียนรู้ข้อมูลอย่างละเอียดและเทรดเมื่อปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยต่อไปนี้ทั้งหมดส่ง สัญญาณไฟเขียวเท่านั้น

อ่านเพิ่มเติม


1 year ago / Admin

ทฤษฎีดาว Dow Theory คืออะไร ?
 

Charles Dow ถือได้ว่าเป็นบิดาของวงการเลย เนื่องจากเขาได้เป็นคนคิดค้น ดัชนีราคาในการวิเคราะห์ตลาดหลักทรัพย์ของอเมริกาเป็นคนแรก และเป็นต้นแบบในการวิเคราะห์กราฟทางเทคนิค

ทฤษฎีดาว Dow Theory คืออะไร forex

 ทฤษฎีดาว Dow Theory

Dow มีองค์ประกอบสำคัญ 6 ข้อ คือ

1. ราคาได้สะท้อนทุกอย่างไว้หมดแล้ว

ไม่ว่าจะเป็นข่าวสารต่างๆ พฤติกรรมความต้องการของคนในตลาด ปัจจัยทางพื้นฐานต่างๆ Dow เชื่อว่าได้ถูกสะท้อนออกมาเป็นราคา ณ ขณะนั้นเรียบร้อยแล้ว

2. ราคาเคลื่อนไหวอย่างเป็นแนวโน้ม

เมื่อมองในภาพใหญ่แล้ว Dow เชื่อว่าราคาเคลื่อนไหวไปเป็นอย่างมีแนวโน้ม โดยมี 2 แนวโน้ม คือ Bull market (ขึ้น) และ Bear market (ลง) อีกทั้งในทฤษฎีของ Dow นั้นแบ่งแนวโน้มออกเป็น 3 ประเภท คือ

1) Primary trend หรือแนวโน้มใหญ่ – 1 ปีขึ้นไป

2) Secondary trend หรือแนวโน้มกลาง  – เป็นช่วงการพักตัวของแนวโน้มใหญ่

3) Minor trend หรือ แนวโน้มย่อย – ต่ำกว่า 6 วัน – การเคลื่อนไหวของแนวโน้มย่อยนั้นจะไม่ส่งผลอะไรต่อภาพใหญ่ เป็นเพียง noise ของตลาด

3. ราคาต้องยืนยันซึ่งกันและกัน

เมื่อเกิดสัญญาณการขึ้นหรือลงของราคานั้น ราคาที่เกี่ยวข้องกัน ควรจะต้องยืนยันทิศทางซึ่งกันและกัน ถึงจะเป็นการเคลื่อนไหวในทิศทางนั้นอย่างแท้จริง โดยในทฤษฎีของ Dow แรกเริ่มนั้นได้คิดค้นว่าถ้าดัชนีของ Utilities (หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค) ขึ้นทำ New high นั้น ดัชนีของ Railroads (หุ้นกลุ่มขนส่ง) ต้องทำ New High ด้วยเช่นกัน ถึงจะยืนยันทิศทางขาขึ้นของดัชนีหุ้นในสหรัฐ เนื่องจาก Dow มองว่าถ้าภาพรวมของเศรษฐกิจจะเป็นขาขึ้นจริง ภาพใหญ่ต้องขึ้นไม่ใช่ขึ้นเฉพาะบางอุตสาหกรรม

4. ปริมาณวอลุ่มยืนยันทิศทางราคา

เมื่ออยู่ในช่วงแนวโน้มขาขึ้น ในช่วงการขึ้นนั้นปริมาณวอลุ่มควรเพิ่มขึ้น แต่ในช่วงพักตัววอลุ่มควรหดตัว และในทางตรงกันข้ามเมื่ออยู่ในช่วงแนวโน้มขาลง เมื่อราคาปรับตัวลง วอลุ่มควรเพิ่มขึ้นและหดตัวในช่วงรีบาวด์ ข้อสังเกตอีกอย่างหนึ่ง คือ ปริมาณวอลุ่มจะสูงสุดในช่วงที่เป็นจุดสูงสุดของ Bull market หรือไม่ก็เป็นช่วงที่ตลาด panic ใน Bear market

5. ใช้ราคาปิดเท่านั้น

Dow เชื่อว่าการใช้ราคาปิดของวันนั้นถือว่าเป็นช่วงราคาที่สำคัญสุด เพราะทั้งพวกเดย์เทรดที่ต้องปิดสถานะเมื่อสิ้นวัน หรือไม่พวกนักลงทุนหรือ Hedge fund ต่างๆที่ชำระราคากันที่ราคาปิดทั้งสิ้น ทำให้ราคาปิดนั้นมีความสำคัญ แต่หลายคนอาจจะเริ่มตั้งคำถามว่า แล้วถ้าตลาดเปิด 24 ชั่วโมงจะทำอย่างไร? ซึ่งไม่ว่าตลาดจะเปิด 24 ชั่วโมงหรือไม่ สุดท้ายก็ต้องมีเวลาที่ใช้ในการคำนวณราคาที่ใช้ชำระราคา หรือ Settlement price เพื่อที่จะคำนวณ กำไร ขาดทุน คำนวณเงิน margin ต่างๆ ซึ่งในกรณีนี้อาจใช้ช่วงที่พวกธนาคารหรือโบรกเกอร์ใช้ทำการ Settlement มาแทนช่วงของราคาปิดได้
 

6. แนวโน้มจะเกิดขึ้นต่อเนื่องจนกว่าจะเกิดการเปลี่ยนแนวโน้ม

พื้นฐานของการเทรดสไตล์ Trend-following คือ เชื่อว่าแนวโน้มจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกว่าจะเกิดสัญญาณเปลี่ยนแนวโน้ม โดย Dow จะไม่คาดการณ์ว่าแนวโน้มนั้นจะเคลื่อนไหวเป็นระยะเวลานานเท่าไหร่ หรือระยะทางไกลแค่ไหน แต่แค่รอว่าถ้าเกิดสัญญาณการเปลี่ยนแนวโน้ม นั้นแหละใกล้ถึงใกล้จบแนวโน้มนั้น โดยปกติการแบ่งแนวโน้มของทฤษฎี Dow นั้นจะดูจากการทำ High และ Low ของราคา โดยถ้าราคาขึ้นทำ Higher high (ทำ High ใหม่) และทำ Lower High (ทำ Low สูงขึ้น) แสดงถึงทิศทางของขาขึ้น (Bull market)

แต่ถ้าราคาทำ Higher Low (ทำ High ต่ำลง) และทำ Lower Low (ทำ Low ต่ำลง) แสดงถึงทิศทางของแนวโน้มขาลง (Bear market)

ทฤษฎีดาว Dow Theory คืออะไร forex

by in option

อ่านเพิ่มเติม