1 year ago / Admin

ROBOT..หุ่นยนต์เขมือบรายย่อย (จบ) / สุนันท์ ศรีจันทรา

 
 
 


มูลค่าซื้อขายหุ้นในแต่ละวันคาดว่าสัดส่วนประมาณ 30-40% เป็นมูลค่าการซื้อขายจากหุ้นยนต์สมองกล หรือ ROBOT ซึ่งสามารถสั่งซื้อขายในอัตราความเร็วสูงมาก จึงอยู่ในฐานะได้เปรียบนักลงทุนรายย่อย

ตลาดหุ้นในหลายประเทศไม่เปิดโอกาสให้ใช้ ROBOT ซื้อขายหุ้น เช่น ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย ตลาดหุ้นเวียนนาม หรือแม้ตลาดหุ้นที่พัฒนาแล้วอย่างฮ่องกง ซึ่งยอมให้ ROBOT สั่งซื้อขายได้ แต่จำกัดจำนวนคำสั่งที่ซื้อขายในแต่ละวินาที และหากต้องการส่งคำสั่งซื้อขายถี่ยิบจำนวนมากต้องเปิดช่องทางการส่งผ่านคำสั่งเพิ่มเติม ทำให้มีต้นทุนสูงขึ้น และไม่คุ้มต่อการทำกำไรระยะสั้นจากการใช้ ROBOT

แต่ตลาดหุ้นไทย ต่างชาติใช้ ROBOT เทรดได้เต็มรูปแบบ ไม่มีข้อจำกัดใด แม้จะกอบโกยเงินจากตลาดหุ้นไทยนับพันล้านบาทมาหลายปีแล้ว จากคำสั่งซื้อขายที่ได้เปรียบนักลงทุนรายย่อยหลายขุม

โบรกเกอร์ที่เปิดบัญชีให้ลูกค้าที่ใช้ ROBOT แม้จะได้ค่านายหน้าเพียงน้อยนิด แต่ถือว่าบริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น จึงไม่ได้ตระหนักถึงความเสียเปรียบของนักลงทุนรายย่อย

ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์ได้รับค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นจาก ROBOT ที่มีคำสั่งซื้อขายถี่ยิบ เพราะจะมีกำไรจากการดำเนินงานมากขึ้น สามารถแบ่งปันโบนัสงามๆ ในหมู่ผู้บริหารและพนักงานตลาดหลักทรัพย์ปีละหลายๆ เดือน

แต่นักลงทุนรายย่อยถูก ROBOT สูบกินไปทีละน้อย จนในที่สุดอาจเหลือแต่กระดูก เสียหายจนหมดตัว และต้องเดินออกจากตลาดหุ้น เหมือนตลาดหุ้นสิงคโปร์ ซึ่งนักลงทุนรายย่อยมีสัดส่วนการซื้อขายเหลือเพียงประมาณ 20% จากเดิมที่เคยมีสัดส่วนประมาณ 50% เพราะถูก ROBOT จนต้องเดินหันหลังจากตลาดหุ้นสิงโปร์

นักลงทุนต่างชาติในอดีตส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนระยะยาว เป็นนักลงทุนสถาบันหรือกองทุน แต่ปัจจุบัน สัดส่วนนักลงทุนต่างชาติที่เป็นนักเก็งกำไรระยะสั้นมีมากขึ้น และใช้ ROBOT เป็นเครื่องมือโกยเงินจากตลาดหุ้นเกิดใหม่

เพราะตลาดหุ้นที่พัฒนาแล้ว ตลาดหุ้นที่มีขนาดใหญ่ ROBOT ไม่มีช่องทางในการทำเงินได้มากนัก เนื่องจากมาร์เกตแคปหุ้นแต่ละตัวมีจำนวนมาก จน ROBOT ไม่อาจลากหุ้นหรือทุบหุ้นได้

มูลค่าซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติซึ่งบางวันมีสัดส่วนกว่า 50% ของมูลค่าซื้อขายหุ้นรวมทุกกลุ่ม โดยคาดว่าประมาณ 80% เป็นมูลค่าการซื้อขายจากต่างชาติที่ใช้ ROBOT

ไม่ว่าจะเป็นหุ้นตัวไหนถ้า ROBOT เข้าไปลุยด้วย โอกาสการทำกำไรของนักลงทุนรายย่อยจะลดน้อยลงเพราะ ROBOT ชิงทำกำไรส่วนหนึ่งตัดหน้าไปก่อนหน้า ปล่อยให้นักลงทุนรายย่อยแย่งชิงกำไรกันเองเป็นกลุ่ม ซึ่งบางคนอาจทำกำไรได้ แต่รายย่อยส่วนใหญ่มักขายทำกำไรไม่ทัน ต้องติดหุ้น แบกหุ้นต้นทุนสูงไว้ในพอร์ตนานหลายปี

ในรอบ 5 ปี นักลงทุนรายย่อยมียอดซื้อหุ้นสุทธิรวมกันกว่า 4 แสนล้านบาท โดยปี 2561 มียอดซื้อหุ้นสุทธิ 120,799.73 ล้านบาท ปี 2562 มียอดขายหุ้นสุทธิ 21,462.97 ล้านบาท ปี 2563 มียอดซื้อหุ้นสุทธิ 214,425.28 ล้านบาท

ปี 2564 มียอดซื้อหุ้นสุทธิ 111,430.04 ล้านบาท และปี 2565 ยอดขายสะสมนับจากต้นปีจนสิ้นสุดวันที่ 12 ตุลาคมที่ผ่านมา จำนวนทั้งสิ้น 5,670.77 ล้านบาท

ส่วนนักลงทุนต่างชาติ ระหว่างปี 2561-2564 ขายหุ้นทิ้งตลอด โดยมียอดขายหุ้นสะสมช่วง 4 ปีรวม 640,187.74 ล้านบาท เพิ่งจะกลับมาซื้อในปีนี้ โดยมียอดซื้อหุ้นสุทธิสะสมจนสิ้นสุดวันที่ 12 ตุลาคมที่ผ่านมาจำนวน 144,249.34 ล้านบาท

นับจากปี 2561 จนสิ้นสุดวันที่ 12 ตุลาคม 2565 ต่างชาติขายหุ้นสุทธิประมาณ 5 แสนล้านบาท ขณะที่นักลงทุนรายย่อยซื้อหุ้นสุทธิประมาณ 4 แสนล้านบาท โดยต่างชาติขายหุ้นได้ในราคาที่ดี ขายช่วงดัชนีอยู่ในระดับสูง แต่นักลงทุนรายย่อยซื้อหุ้นในราคาแพง และต้องแบกต้นทุนมาตลอด 4-5 ปีที่ผ่านมา

ตัวเลขยอดซื้อหุ้นสะสมสุทธิประมาณ 4 แสนล้านบาท อาจเป็นตัวเลขที่สะท้อนให้เห็นว่า นักลงทุนรายย่อยพลาดท่าให้ ROBOT เมื่อขายไม่ทัน และตัดใจขายขาดทุนไม่ได้ จึงเก็บหุ้นต้นทุนสูงสะสมไว้ในพอร์ต ปล่อยให้ ROBOT ตีหัวโกยกำไรหอบกลับบ้านไป
^

 

นักลงทุนรายย่อยแต่ละคนเฉลี่ยแล้วอาจขาดทุนไม่มาก แต่ขาดทุนกันแทบทุกคน และมีแนวโน้มที่จะขาดทุนต่อไปถ้าเข้าไปเล่นหุ้นตัวไหนและเจอเข้ากับ ROBOT

ผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์จะทนดูหุ้นยนต์สมองกลเข้ามาตักตวงเงินจากประเทศไทย จะทนดูนักลงทุนรายย่อยถูก ROBOT เข่นฆ่าต่อไป และไม่คิดจะปิดกั้นช่องทาง ROBOT ในการเขมือบเงินคนไทยบ้างเลยหรือ

 

อ่านเพิ่มเติม


1 year ago / Admin

Robot Trade ทำกำไรได้จริงหรือแค่จอมปลอม
 

Robot Trade ทำกำไรได้จริงหรือจอมปลอม : คอลัมน์ Invseting Tactic โดยณัช เรือนเพ็ชร์ โค้ชจาก คอร์ส SITUP ไม่ว่าเราจะคิดค้นกลยุทธ์ขึ้นเองหรือไปซื้อ Robot Trade ของคนอื่นมาใช้ สิ่งที่ควรทำทุกครั้ งคือทดสอบว่า สามารถทำกำไรได้จริงหรือไม่

ไม่ว่าเราจะคิดค้นกลยุทธ์ขึ้นเองหรือไปซื้อ Robot Trade ของนักพัฒนาคนอื่นมาใช้ สิ่งที่เราควรทำทุกครั้งคือทดสอบว่า สามารถทำกำไรได้จริงหรือไม่

Robot Trade ทำกำไรได้จริงหรือแค่จอมปลอม
 

Robot Trade ทำกำไรได้จริงหรือจอมปลอม : คอลัมน์ Invseting Tactic โดยณัช เรือนเพ็ชร์ โค้ชจาก คอร์ส SITUP ไม่ว่าเราจะคิดค้นกลยุทธ์ขึ้นเองหรือไปซื้อ Robot Trade ของคนอื่นมาใช้ สิ่งที่ควรทำทุกครั้ งคือทดสอบว่า สามารถทำกำไรได้จริงหรือไม่

ไม่ว่าเราจะคิดค้นกลยุทธ์ขึ้นเองหรือไปซื้อ Robot Trade ของนักพัฒนาคนอื่นมาใช้ สิ่งที่เราควรทำทุกครั้งคือทดสอบว่า สามารถทำกำไรได้จริงหรือไม่

ในขั้นถัดไปเราต้องรู้วิธีการทดสอบกลยุทธ์เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถทำกำไรได้จริง ทั้งหมดทั้งมวลคือเพื่อหลีกเลี่ยงการขาดทุนนั้นเอง

 

  • เทคนิคการทดสอบ Robot Trade ที่พัฒนาเพื่อให้ทำกำไรได้จริง
  1. แบ่งช่วงการทดสอบ (Train-Test split) ข้อนี้เป็นข้อที่คนส่วนใหญ่ไม่ได้ทำ คนส่วนใหญ่มักจะทดสอบกลยุทธ์แบบครั้งเดียวดูผลลัพท์แล้วก็นำไปใช้เลย โดยแทนที่เราจะทดสอบกลยุทธ์แค่ครั้งเดียวเราก็ควรแบ่งช่วงตามเวลาเช่น 5 ปีแรก กับ 5 ปีหลัง หรือถ้าเป็นหุ้นก็สามารถแบ่งเป็น 100 ตัวแรกและ 100 ตัวถัดไป โดยเราจะทดสอบกับข้อมูลช่วงแรก (Train set) แล้วเมื่อผลออกมาดีก็ค่อยไปทดสอบกับข้อมูลอีกชุด (Test set)
  2. ทดสอบความไวต่อตัวแปร (Parameter Sensitivity test) โดยทั่วไปการพัฒนา Robot Trade หรือการใช้ตามท้องตลาด จะมีตัวแปรให้ตั้งค่าไม่ว่าจะเป็น Technical Indicator EMA, RSI, MACD แล้วเราก็มักจะเปลี่ยนตัวแปรไปเรื่อยๆเช่นลอง EMA20, EMA50, EMA70 ซึ่งทำให้เกิดข้อผิดพลาดที่มือใหม่มักมองข้ามนั้นคือ Overfit ซึ่งทำให้ผลทดสอบอาจจะดูดีแต่ไม่สามารถทำกำไรเงินจริงได้ วิธีแก้คือต้องทดสอบความไวต่อตัวแปรเช่นถ้าเราเปลี่ยน EMA20 เป็น EMA15 หรือ EMA25 กลยุทธ์เรายังทำกำไรได้หรือไม่ หรือขาดทุนบักโกรกไปเลย หรืออีกทางที่ผมชอบใช้คือใช้ตัวแปรให้น้อยที่สุดตั้งแต่แรกหรือใช้ตัวแปรที่สมเหตุสมผลแล้วไม่ต้องไปปรับค่าอีก
  3. ทดสอบด้วยเงินจริงจำนวนเล็กๆ (Live test) ขั้นตอนนี้ถือว่าสำคัญมาก เราต้องทดสอบด้วยเงินจริงจำนวนเล็กๆ อย่างน้อย 3 เดือนก่อนเสมอ การทดสอบในกระดาษ(Paper Trade) นั้นไม่เพียงพอ เพราะการเทรดจริงนอกจากจะเป็นการทดสอบสภาพจิตใจว่าถ้าพอร์ตขึ้นลงตามนี้เราจะรับได้หรือไม่ ยังเป็นการจำลองการใช้งานว่าติดขัดอะไรหรือไม่ เช่นตอนทดสอบเราอาจจะซื้อที่ราคาปิด แต่ในชีวิตจริงเราอาจจะไม่ว่างเฝ้าจอช่วง 16:30 ของทุกวัน ก็ทำให้การใช้จริงและการทดสอบมีความคาดเคลื่อน

 

การทดสอบกลยุทธ์นั้นนอกจากเราจะได้มั่นใจว่าสามารถทำกำไรได้จริงแล้ว เรายังเข้าใจสถิติต่างๆของกลยุทธ์นั้นๆ เช่นอัตราการชนะ เวลาชนะได้กำไรกี่ % เวลาแพ้ขาดทุนกี่ % ทำให้ตอนใช้จริงเราจะได้เตรียมตัวเตรียมใจรับการขาดทุนที่อาจจะเกิดขึ้นได้

  • เคล็ดลับในการใช้ Robot Trade ทำกำไรอย่างยั่งยืน
  1. การมีทัศนคติห้ามขาดทุน ไม่ว่าเราจะพัฒนาเองหรือซื้อโปรแกรมมาใช้ การพยายามรักษาเงินต้นถือเป็นความสำคัญสูงสุดเสมอ
  2. การเข้าใจธรรมชาติของตลาด ถ้าเราเข้าใจพฤติกรรมราคาของสินทรัพย์ เราจะมีไอเดียในการกำไรเยอะๆได้เอง เมื่อไม่ขาดทุนและทำกำไรได้เยอะเราก็จะประสบความสำเร็จในที่สุด โดยส่วนใหญ่แล้ว Robot Trade ที่สามารถทำกำไรในตลาดหุ้นไทยได้นั้นจะเป็นกลยุทธ์เชิงโมเมนตัม ไม่ว่าจะเป็นการทะลุแนวต้าน การทะลุราคา All Time High หรือกลยุทธ์ที่ลงทุนในหุ้นที่กำไรเติบโต ส่วนในตลาดคริปโตนั้นการซื้อแล้วถือยาวมักจะทำกำไรได้มากกว่าการซื้อๆขายๆเพราะจะทำให้เราไม่พลาดโอกาสในการรันเทรนรอบใหญ่

 

สุดท้ายนี้ก่อนซื้อ Robot Trade ใดๆมาใช้ แล้วรู้สึกว่ามันดีเกินจริงเช่นปลอดภัย ทำกำไรทุกวัน หรือได้กำไรเดือนละ 100% ให้ตอบคำถามตัวเองก่อนเสมอว่า ถ้าดีจริงทำไมเขาต้องนำมาขายเรา เขาลงทุนไม่ดีกว่าหรือ เพื่อที่เราจะได้ไม่ตกเป็นหยื่อของกลยุทธ์จอมปลอมเหล่านั้น

 

 

อ่านเพิ่มเติม