Published 11 months ago
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ชี้แจงเปิดซื้อขายหุ้น STARK แม้บริษัทยังไม่ส่งงบการเงิน จนราคาหุ้นร่วง 90% ย้ำเป็นหลักเกณฑ์ที่ผ่านการเปิดรับฟังความคิดเห็นแล้ว และนักลงทุนก็ได้รับข้อมูลอย่างเท่าเทียม เผยอนาคตเตรียมเสนอกฎระเบียบแนวทางแก้ไข พร้อมเรียกร้องทุกองค์กรในตลาดทุนต้องช่วยแก้ปัญหานี้ร่วมกัน
นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ระบุถึงกรณีเปิดการซื้อขายหุ้น STARK ของบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นเวลา 1 เดือน ว่าเกณฑ์การเปิดซื้อขายหุ้นในช่วงที่ยังไม่ส่งงบการเงิน หลังผ่านไป 3 เดือนนั้น มีมาตั้งแต่ปี 62 โดยเคยเปิดรับฟังความคิดเห็นแล้ว ซึ่งนักลงทุนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ลงความเห็นว่าควรจะเปิดโอกาสให้ซื้อขายหลักทรัพย์ก่อนจะปิดไม่ให้ซื้อขายในระยะยาวโดยเกณฑ์พิจารณาดังกล่าวจึงมาจากข้อคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และก็จะทำให้นักลงทุนได้รับข้อมูลเท่าเทียมกัน ซึ่งในกรณีหุ้น STARK บริษัทได้มีการแจ้งข้อมูลนักลงทุนวันที่ 30 พ.ค. 66 และถัดมา 31 พ.ค. บริษัทได้จัดประชุมผู้ถือหุ้นกู้ จึงถือเป็นการได้ข้อมูลเท่าเทียมกันก่อนเปิดเทรด แม้จะไม่มีงบการเงิน
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ระบุว่า ตลท.ได้ปรึกษาผู้ที่เกี่ยวข้องมาโดยตลอด แต่บริษัทก็ไม่ได้ให้ความมั่นใจว่าจะสามารถเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมได้ก่อนเปิดซื้อขายหุ้นวันที่ 1 มิ.ย. และในวันที่ 16 มิ.ย. จึงทำให้ตลาดหลักทรัพย์ฯต้องดำเนินการเปิดการซื้อขายหุ้นดังกล่าวชั่วคราว ทั้งนี้ภายใน 1 เดือน หากยังไม่ส่งงบการเงินก็จะสั่งหยุดการซื้อขายหุ้นต่อ
ทั้งนี้ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์หุ้น MORE ตลท.ได้มีการตรวจสอบเพื่อปรับปรุงระบบการทำงานภายในขององค์กร ซึ่งในกรณีของหุ้นSTARK นั้น ในอนาคตอาจมีการเสนอกฎระเบียบแนวทางแก้ไข หรือกฎหมายต่าง ๆ เพื่อป้องกันเหตุดังกล่าว ซึ่งเป็นโจทย์ที่ทุก ๆ องค์กรที่เกี่ยวข้องในตลาดทุน ต้องออกมาช่วยกันแก้ปัญหาร่วมกันตั้งแต่ต้น เพื่อให้มีช่องโหว่งน้อยลง
“เราจะต้องมีการสังคายนาในระบบของเรา เพื่อป้องกันเรื่องพวกนี้ร่วมกัน และให้สอดคล้องให้มากขึ้นในอนาคต” นายภากร กล่าว
ขณะเดียวกันส่วนกรณีที่ STARK ได้มีการแจ้งดำเนินคดีกับผู้ทุจริตที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) นั้น นายภากร ระบุว่า ยังไม่ได้รับการติดต่อจากบริษัท แต่ทางตลาดทรัพย์ฯจะติดต่อกลับไปว่าจะสามารถช่วยเหลือในด้านไหนได้